ตึกอื่นนอกจาก ตึกระฟ้าในกลางเมืองนิวยอร์กอาจจะดูเหมือนว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างแล้วไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นที่สุด ซึ่งมันก็แน่นอน เว้นแต่ตึกระฟ้าที่ เป็นสิ่งก่อสร้างที่จะถูกเตรียมไว้กับเมืองที่มีประชากรหนาแน่น ซึ่งต้องการอาหารในปริมาณที่มาก ที่ อยู่ในวิถีทางแห่งธรรมชาติ สามารถทำเอาธรรมชาติกลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมายและของเสียทางชีวภาพที่เกิดขึ้นก็ยังสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก
Dragonfly เป็นผลงานของบริษัท Belgian , Vincent Callebaut สถาปนิกและผู้ขีดเส้นแห่งอนาคตกับการเกิดขึ้นของ vertical farming ซึ่งจะทำให้มันเป็นจริง ดังเช่น Dubai’s seawater vertical farm and Eric Vergne's Dystopian Farm concept.
จากการออกแบบเป็นพิเศษ ของ Callebaut ได้จำลองแบบตึกมาจากลักษณะของปีกแมลงปอ ปีกของตึกทั้งสองถูกออกแบบมาอย่างประณีต และสวยงาม ลักษณะโครงสร้างแบบปีกแมลงปอนี้ให้ข้อดีต่างๆมากมาย โดยมีการนำแหล่งพลังงานหมุนเวียนต่างๆเข้ามาใช้ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสง อาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำที่ผ่านเทอร์ไบผลิตไฟฟ้าออกมา ,บริเวณช่วงว่างระหว่างของปีกจะติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อที่จะใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์มาให้ความอบอุ่นภายในอาคารซึ่งออกแบบมา ให้สามารถกักเก็บความอบอุ่นได้เป็นอย่างดีตลอดในช่วงเดือนฤดูหนาว และยังออกแบบในบริเวณส่วนที่ต่างๆกันให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในแต่ละบริเวณ เพื่อให้สามารถใช้งานจนเกิดประโยชน์สูงสุดได้ นอกจากนี้ของเสียที่เกิดขึ้นภายในตึกนี้ไม่ว่าจะเป็นของเสียจากต้นไม้พืชผัก ผลไม้ซึ่งเป็นอาหารของมนุษย์และสัตว์ ขยะของเสียที่เกิดจากมนุษย์ และ สัตว์ที่ถูกเลี้ยงไม่ว่าจะเลี้ยงไว้เป็นอาหารหรือเป็นเพื่อนคู่ใจ เหล่านี้ก็ถูกนำกลับมาผ่านกระบวนการบำบัดหรือรีไซเคิลนำกลับมาใช้ใหม่ได้หมด

Dragonfly นี้สูงหกร้อยเมตร มีทั้งหมด 132 ชั้น พื้นที่สำหรับทำกสิกรรมการเพราะปลูกเลี้ยงสัตว์ด้วยเทคโนโลยีเกษตรกรรมแม่น ยำสูงที่ไม่ต้องพึ่งพาสภาพภูมิอากาศอย่างเช่นในปัจจุบันอีกต่อไป นานาชนิดที่แตกต่างกันถึง 28 พื้นที่เ พื่อหล่อเลี้ยงชีวิตคนทั้ง ตึก Dragonfly นอกจากนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัย พื้นที่สำหรับสำนักงานต่างๆ แหล่งศูนย์การค้า แหล่งความบันเทิง ห้องทดลอง สวนผมไม้ ฟาร์ม ศูนย์ผลิตภัณฑ์อาหาร ซึ่งอยู่ใน Dragonfly ทั้งหมด

มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องค้นคว้าวิจัยซึ่งถูกยกขึ้นมาเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นและสำคัญมากโดย UNDP (United Nations Development Program) มีเหตุผลสนันสนุนโดยที่ภายในปี2025 ประชากรทั่วโลกจะเพิ่มจาก 3.1 พันล้านเป็น 5.5 พันล้านคน ซึ่งสิ่งที่จะสามารถแก้ปัญหาได้ก็คือการที่ต้องเป็นเมืองแบบ ecological(ecological city)หรือเป็นเมืองที่สามารถหล่อเลี้ยงประชากรที่มีอยู่ภายในเมืองหรือตึกได้ด้วยตนเอง และต้องเป็นเมืองที่ลดขยะและมลภาวะที่เกิดขึ้นต่างๆ โดยการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับธรรมชาติสามารถรีไซเคิลนำกลับมาใช้ใหม่ได้ของเสียที่เกิดขึ้นภายในเมืองก็ต้องผ่านการบำบัดหรือทำให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ สิ่งเหล่านี้เท่านั้นที่เป็นหัวใจของความอยู่รอดของมวลมนุษยชาติในอนาคตอันใกล้ด้วยสังคมในแบบที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ
ขอขอบคุณ gizmag

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น